ใกล้จะปีใหม่แล้ว เรามาแพลนไปเรียนภาษาเยอรมันที่เยอรมนีกัน

ใกล้จะปีใหม่แล้ว ทุกคนมีแพลนอะไรกันไว้ในใจหรือยังคะ สำหรับใครที่กำลังอยากจะวางแพลนเรื่องเรียนให้กับตัวเองในปีต่อไป แอดมินอยากแนะนำให้ทุกคนรับพิจารณา การไปเรียนภาษาเยอรมันที่เยอรมนี เป็นหนึ่งในลิสต์นั้นด้วยเลย (ก็ดีน้า)

การไปเรียนภาษาเยอรมันที่ประเทศเยอรมนี ข้อดีคือทำให้เรามีตัวเลือกเยอะ ทั้งในด้านของหลักสูตร วิธีการสอน หรือโรงเรียนสอนภาษาเองก็มีให้เลือกเยอะ หลายราคา และเราได้ใช้ภาษาจริง ทั้งในคลาสเรียน หรือว่านอกคลาสเรียนก็ตาม การที่เราได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คนใช้ภาษาเยอรมันเป็นหลัก จะช่วยให้เราพัฒนาทักษะด้านภาษาได้รวดเร็วกว่ามากๆ เลยค่ะ

แล้วทำไมเราต้องเรียนภาษาเยอรมัน? ก็ถ้าเหตุผลหลักๆ ของใครหลายคนที่สนใจเรียนภาษาเยอรมันกันนั้น ก็อาจจะเป็นเป้าหมายของการไปเรียนต่อในระดับปริญญาที่ประเทศเยอรมนี การศึกษามีคุณภาพสูง และแถมมหาวิทยาลัยรัฐบาลในเยอรมนี ยังเรียนฟรีอีกด้วย เสียแค่ค่าบำรุงการศึกษา 20,000 – 30,000 บาทต่อปีเอง

การที่เราได้ภาษาเยอรมัน ยังมีข้อดีในเรื่องอื่นๆ อีกด้วยน้า ทั้งโอกาสเข้าเรียนในหลักสูตรที่ไม่เก็บค่าเทอม อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ซึ่งเปิดสอนเป็นภาษาเยอรมันมากกว่าหลักสูตรภาษาอังกฤษ – มีทั้งโอกาสในการทำงานระหว่างเรียนและหลังเรียนจบได้มากกว่า เพราะตำแหน่งงานที่เปิดรับส่วนใหญ่นั้น คุณสมบัติหลักคือทักษะภาษาเยอรมัน แถมเรายังใช้ชีวิตได้ง่ายกว่าด้วย เพราะด้วยคนเยอรมันเอง ก็ยังคงใช้ภาษาเยอรมันในการติดต่อสื่อสารหรือในชีวิตประจำวันกันเป็นส่วนใหญ่ การที่เราพูดภาษาเยอรมันได้นั้น ช่วยให้เราใช้ชีวิตในเยอรมนีได้คล่องตัวกว่า เช่น ต้องไปติดต่อสำนักงานเขต ไปหาหมอ รวมถึงยังช่วยให้เราสามารถ Connect กับเพื่อนชาวเยอรมันได้ดีและเร็วกว่าด้วย

และยังมีเหตุผลดีๆ ที่เพื่อนๆ ควรเรียนภาษาเยอรมันอีกนะคะ การที่เรามีภาษาที่ 2 หรือ 3 ติดตัวไว้ ก็เริ่ดน้า แนะนำภาษาเยอรมันให้เป็น 1 ในทางเลือกเลยค่ะ ภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วไปในทวีปยุโรป ภาษาเยอรมันยังถือเป็นภาษาทางราชการในหลายๆ ประเทศด้วย และมีความสำคัญกับทางด้านการค้าในยุโรป ซึ่งประเทศเยอรมนีมีอุตสาหกรรมใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก แถมช่วยสร้างอาชีพในต่างประเทศได้อีกด้วยนะ ยิ่งตอนนี้ประเทศเยอรมนีกำลังขาดแคลนแรงงานเป็นอย่างมาก จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานระหว่างเรียนและหลังเรียนจบได้มากกว่า

หรือหากใครเป็นสายเที่ยว ภาษาเยอรมันยังสามารถช่วยเปิดโลกในการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย ไปเที่ยวแถบยุโรปได้ง่ายขึ้นมากๆ หายห่วงเลย เพราะจริงๆ แล้ว อย่างคนเยอรมันเองส่วนใหญ่ ก็จะชอบพูดสื่อสารด้วยภาษาเยอรมันเป็นหลักค่ะ บางคนเราพูดภาษาอังกฤษด้วย แต่เขาไม่ตอบกลับเราก็มีนะ หรือการที่รถไฟ รถบัส รถโดยสารสาธารณะจะมีการเลท หรือล่าช้า ส่วนใหญ่แล้วจะประกาศแจ้งเป็นภาษาเยอรมัน และไม่ว่าจะป้ายประจำทาง ป้ายบอกทาง ก็เป็นภาษาเยอรมันหมดเลยค่า

เรียนเมืองไหนได้บ้าง แต่ละเมืองน่าไปเรียนยังไง?

หากจะให้แอดมินนำทุกเมืองในเยอรมนีมาคุยหมดเลย ก็เกรงว่าจะยาวเหยียด เขียนไปถึงปีหน้า ก็คิดว่าน่าจะยังไม่หมด งั้นต้องขอยกตัวอย่างสัก 5 เมืองที่แอดมินอยากแนะนำ เป็นเมืองใหญ่ และเมืองยอดฮิตเลยค่ะ ที่นักเรียนส่วนใหญ่นั้นสนใจไปเรียน มาฝากกันนะคะ

1. เบอร์ลิน (Berlin)

เบอร์ลินมีพิพิธภัณฑ์ และมิวเซียมเยอะ เป็นเมืองแห่งสีสัน มีผู้คนพลุ่กพล่าน เมืองแห่งศิลปะ และด้านไอที เพราะว่าเบอร์ลินจะมีบริษัททางด้านไอทีหรือสตาร์ทอัพเปิดอยู่เยอะค่ะ ถือว่าเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ และยังเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมนีอีกด้วย ซึ่งอาจจะทำให้หลายๆ คนคิดใช่ไหมคะว่าเมืองนี้ค่าครองชีพน่าจะแพงที่สุด แต่เปล่าเลยค่ะ เบอร์ลินเป็นเมืองที่ค่าครองชีพถูก และที่พักก็หาง่ายกว่าเมืองอื่นๆ ด้วยนะคะ เพราะว่าเป็นเมืองใหญ่ สำหรับนักเรียนที่สนใจอยากจะไปเรียนภาษาที่เยอรมนี เบอร์ลินก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่ตอบโจทย์ ซึ่งการที่ค่าครองชีพในเบอร์ลินถูกนั้น ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายลงไปได้เยอะเลยค่ะ และเมืองยังมีผู้คนที่หลากหลาย มีการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษอยู่บ้าง จึงทำให้นักเรียนที่ยังไม่คล่องเรื่องของภาษาเยอรมันตอนเริ่ม ช่วยให้เรายังพอได้สื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้ ไม่ลำบากจนเกินไป

2. ฮัมบวร์ค (Hamburg)

เมืองฮัมบวร์คจะอยู่ติดกับแม่น้ำ มีเรือเทียบท่า มีตู้คอนเทนเนอร์ เป็นเมืองท่าเรือใหญ่ สำหรับเรือที่จะเข้ามาทั้งหมดค่ะ และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเยอรมนี การเดินทางสะดวก ขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อกันหมด แต่หากเทียบกับเบอร์ลินแล้ว ค่าครองชีพก็อาจจะสูงขึ้นมาหน่อย ฮัมบวร์คเป็นเมืองที่สะอาด ไฮแฟชั่น ฟีลไฮโซ ทำธุรกิจข้ามประเทศ ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ และคนในเมืองก็ยังมีการพูดภาษาอังกฤษกันได้ พอๆ กับมิวนิคเลยค่ะ สำหรับนักเรียนที่ยังพูดภาษาเยอรมันได้ไม่คล่อง เมืองนี้ก็อาจจะตอบโจทย์เช่นกันค่ะ

3. มิวนิค (Munich)

มิวนิคเป็นเมืองใหญ่ มีผู้คนหลากหลายชาติ เป็นเมืองที่มีอะไรให้ทำเยอะ มีทั้งธรรมชาติ สภาพแวดล้อมที่สวยงาม ที่เที่ยวเยอะ มีเทศกาลสำคัญ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย มีการแต่งกายชุดประจำชาติ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบาวาเรีย เมืองมิวนิคถือว่าอยู่ได้ยาวๆ ไม่น่าเบื่อเลย

เป็นเมืองธุรกิจ มีบริษัทยักษ์ใหญ่เยอะมาก คนในเมืองสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกันได้ เป็นเมืองอินเตอร์ และยังอยู่ติดกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วย ท่องเที่ยวได้ง่าย เดินทางสะดวกมาก Facilites ครบครันเลย หากนักเรียนสนใจมาเรียนภาษาที่มิวนิค การที่ผู้คนสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ ก็ช่วยให้เราใช้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้น หากเรายังไม่คล่องภาษาเยอรมัน แต่ก็อาจจะมีในเรื่องค่าครองชีพ ค่าที่พักที่สูง ถ้าเทียบกับเบอร์ลิน

4. โคโลญ (Cologne)

โคโลญ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศเยอรมนี รองจากเบอร์ลิน ฮัมบวร์ค และมิวนิค มีมหาวิหารที่โดดเด่น เป็นแลนด์มาร์คประจำเมือง โคโลญเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของเยอรมนี เมืองสวย และไม่ค่อยวุ่นวาย รถไม่เยอะ สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟหรือขนส่งสาธารณะ และยังเป็นศูนย์รวมเส้นทางการเดินรถไฟทั้งในและนอกประเทศ เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางที่ไปไหนก็สะดวกค่ะ

5. ไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg)

ไฮเดลเบิร์กเป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นเมืองที่สวยมาก มีแม่น้ำ ภูเขา ไฮเดลเบิร์กเป็นเมืองที่ไม่ได้ใหญ่มากค่ะ ค่าครองชีพก็เลยจะอยู่กลางๆ หากนักเรียนสนใจเรียนภาษาที่ไฮเดลเบิร์ก โรงเรียนภาษาอาจจะมีให้เลือกไม่เยอะน้า เพราะเมืองเล็ก แต่เล็กในเชิงที่ว่าการเดินทางง่าย สะดวก เราสามารถเดิน หรือปั่นจักรยานไปไหนก็ได้ เมืองไม่ได้ใหญ่ สามารถเดินไปใจกลางเมืองได้เลย ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟก็ไม่ได้ไกลมาก เป็นเมืองที่สบายๆ น่าพักผ่อน หากนักเรียนตั้งใจมาเรียนภาษา ไฮเดลเบิร์กก็ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ตอบโจทย์ในหลายๆ ด้านเลย น่าไปเรียนเหมือนกันค่ะ

ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น

• คอร์สเรียนภาษาเยอรมันที่เยอรมนี จะเป็นหลักสูตรแบบ Intensive เรียน Level ละประมาณ 2 เดือนค่ะ (A2, B1, B2, C1) เป็นการเรียนแบบเข้มข้น ซึ่งนักเรียนจะเรียนได้เร็วมาก การเรียนภาษาเยอรมันในระดับ A2 – B2 จะเรียนประมาณ 6 – 8 เดือน ค่าเรียนอยู่ที่ประมาณ 120,000 – 250,000 บาท (ค่าคอร์สจะขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันด้วยนะคะ ไม่มีการแบ่งชำระรายเดือนค่ะ)
• ค่าใช้จ่ายส่วนตัวรวมที่พัก ประมาณเดือนละ 30,000 – 35,000 บาท (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าเช่าที่พักด้วยค่ะ ประมาณเดือนละ 15,000 – 25,000 บาท)
• ค่าประกันสุขภาพนักเรียนประมาณเดือนละ 1,000 – 1,500 บาท
• การขอวีซ่ามีค่าธรรมเนียมประมาณ 3,000 บาท โดยนักเรียนจะต้องเตรียมเงินเพื่อฝากในบัญชี Blocked Account แทน Bank Statement ประมาณ 300,000 – 450,000 บาท (ตามที่ทางสถานทูตได้กำหนด ตามระยะเวลาเรียน) ซึ่งสามารถขอคืนได้เป็นรายเดือนได้ในเยอรมนี
• นักเรียนควรเตรียมเงินสำรองไว้ด้วยบางส่วน สำหรับค่ามัดจำที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 1 – 2 เดือนค่ะ

เอกสารการขอวีซ่าเรียนภาษาเบื้องต้น

• พาสปอร์ต
• รูปถ่าย Biometric ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
• ผลการสอบวัดระดับภาษาเยอรมัน เช่น ผลสอบเกอเธ่
• CV หรือ Resume ที่อัปเดตจนถึงปัจจุบัน
• Motivation Letter หรือ จดหมายแรงจูงใจ
• หนังสือรับรองการทำงานที่ผ่านมา
• ประกาศนียบัตรและระเบียนแสดงผลการศึกษาทุกระดับตั้งแต่ระดับมัธยมปลายจนถึงปริญญา

หมายเหตุ: หนึ่งในลิสต์เอกสารการขอวีซ่าเรียนภาษา สถานทูตมีแจ้งขอ “หลักฐานแสดงระดับความรู้ภาษาเยอรมัน” เอาไว้ค่ะ (เพียงแต่ไม่ได้มีการกำหนดหรือบังคับว่าจะต้องเป็นระดับไหน) คีนจึงขอแนะนำ นักเรียนควรจะไปลงคอร์สเรียนภาษาเยอรมันอย่างน้อยในระดับ A1 แล้วก็สอบให้ผ่านก่อนค่ะ หากนักเรียนไม่ได้เรียนและสอบภาษาเยอรมันในระดับ A1 ให้ผ่านก่อน เราจะไม่แนะนำให้นักเรียนทำเรื่องขอวีซ่าไปเรียนภาษาเยอรมันเลย อันนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในเหตุผลที่โดนปฏิเสธกันมาค่อนข้างเยอะ เพื่อให้นักเรียนไม่ต้องเสี่ยงเสียประวัติในการถูกปฎิเสธวีซ่า

และโดยส่วนตัวแอดมินเชื่อว่า การที่เราเรียนและสอบภาษาเยอรมันให้ได้ในระดับ A1 แล้วนั้น เหมือนแสดงให้เห็นว่านักเรียนมีความพยายามและความตั้งใจพอที่ต้องการจะไปเรียนภาษาเยอรมันที่เยอรมนีจริงๆ อย่างน้อยก็ได้มีความรู้พื้นฐานไปก่อนแล้ว ถือว่ามีความรู้ความเข้าใจในภาษาเยอรมันมาในระดับพื้นฐาน ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การขอวีซ่าไปเรียนภาษาเยอรมันที่เยอรมนีนั้นมีความ Strong มากยิ่งขึ้นค่า

ข้อควรระวัง ก่อนขอวีซ่าเรียนภาษาที่เยอรมนี

• เอกสารต้องครบ
• จดหมายแรงจูงใจต้องชัดเจน
• คอร์สเรียนต้องมีจำนวนชั่วโมงเรียนตามเกณฑ์ที่สถานทูตกำหนด

การไปเรียนกับคีน เอ็ดดูเคชั่น ดีกว่าไปด้วยตัวเองยังไง?

คีน เอ็ดดูเคชั่น เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการกับสถาบันภาษาในเยอรมนีที่ได้คุณภาพทั่วเยอรมัน ช่วยคัดโรงเรียนภาษาที่ได้คุณภาพ เชื่อถือได้ แนะนำคอร์สเรียนภาษาที่เหมาะสม และโปร่งใสเรื่องราคา เราให้นักเรียนโอนจ่ายค่าเรียนกับทางสถาบันโดยตรงค่ะ

หากนักเรียนเลือกไปกับเรียนภาษากับคีน เราจะช่วยให้นักเรียนไปเรียนได้ง่ายกว่า ประหยัดเวลากว่า และช่วยให้สบายใจขึ้นกว่าด้วยค่ะ หากนักเรียนยังไม่คล่องภาษาเยอรมัน การไปกับคีน เอ็ดดูเคชั่น ก็จะช่วยให้นักเรียนหมดห่วงในส่วนนี้ได้ คีนจะช่วยวางแผนการเรียน ประสานงานจองคอร์ส ดูแลการขอวีซ่า และเตรียมตัวก่อนบินไปเยอรมนี ฟรีทุกขั้นตอน

เราฟังความต้องการของนักเรียน และช่วยอธิบายในส่วนของทางเลือกที่นักเรียนมีค่ะ หากนักเรียนตัดสินใจเลือกโรงเรียนที่จะไปแล้ว ทางพี่ๆ ทีมงานจะช่วยแพลนตารางต่างๆ ให้ นักเรียนจะได้รู้ว่าควรยื่นสมัครช่วงไหน ขอวีซ่าช่วงไหน เตรียมตัวเดินทางเมื่อไร ส่วนขั้นตอนของการสมัครเรียนนั้น ทางพี่ๆ ก็จะช่วยเตรียมเอกสารการสมัครเรียนให้ค่ะ ช่วยประสานงาน คุยกับเจ้าหน้าที่ที่โรงเรียนภาษาให้โดยตรง หากนักเรียนขาดเอกสารอะไร พี่ๆ ทีมงานจะช่วยแจ้งทันทีเลย รวมถึงช่วยให้คำปรึกษาและคำแนะนำในการเขียนจดหมายแรงจูงใจ และ Resume ด้วย

หลังจากได้ผลตอบรับเข้าเรียนแล้ว ขั้นตอนต่อไป พี่ๆ ทีมงานจะช่วยนักเรียนเตรียมตัวขอวีซ่าของเยอรมันกันค่ะ เอกสารในส่วนนี้จะเยอะมากๆ เลย และแอบยุ่งยาก แต่นักเรียนสบายใจได้ค่ะ พี่ๆ ทีมงานคีนจะช่วยเตรียม ช่วยแนะนำได้ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารทางการเงิน การเปิดบัญชีธนาคาร หรือเอกสารประกันต่างๆ หากนักเรียนมีสงสัยตรงไหนปรึกษาทีมงานได้ตลอด รับรองว่าเอกสารการยื่นขอวีซ่าของเรานั้นจัดถูกต้องครบถ้วนเรียบร้อย ลดความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธการขอวีซ่าค่ะ

จริงๆ แล้ว การไปเรียนภาษาที่เยอรมนีนั้น นักเรียนสามารถทำเองได้ทุกขั้นตอนเลยค่ะ ..แต่ว่าจะดีกว่าไหม? ถ้านักเรียนจะมีเพื่อนคู่คิด มีพี่ๆ ทีมงานของคีน เอ็ดดูเคชั่น ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญคอยเป็นโค้ดส่วนตัว ช่วยให้นักเรียนได้ไปเรียนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องห่วงเรื่องวีซ่า เดินทางไปเรียนเยอรมนีครั้งนี้ได้ด้วยความมั่นใจ

คีนสามารถดูแลช่วยเหลือ วางแผนการเรียน ทำการสมัคร ประสานงาน และเตรียมเอกสารวีซ่า ให้คำปรึกษาได้ ฟรี!! (ไม่มีค่าใช้จ่าย) ทีมงานของเรายินดี และพร้อมให้บริการค่ะ 😊😊

เรียนต่อเยอรมันกับ https://keeneducation.co/

📥 ทักแชท inbox มาคุยกับเราได้เลย
📲 แอดไลน์มาที่ @keeneducation
📞 โทรหาเราที่ 082 654 5362
📧 หรือส่งอีเมลมาที่ hello@keeneducation.co